สภากาแฟที่ซบเซาไปนานจะได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติเป็นเอกฉันท์
ให้ยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ฉบับที่ 7
เปิดให้ประชาชนชุมนุมทางการเมืองได้เกิน
5 คน
ผ่อนเงื่อนไข
คลายกฎเหล็กลงเปลาะหนึ่ง
แต่ที่ได้ยินแล้วน่าตื่นเต้นกว่าการที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติยกเลิก
ประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน
5 คน กับคิวที่ พล.อ.บุญรอด
สมทัศน์ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิก
โดยเฉพาะ “ครูหยุย” นายวัลลภ
ตังคณานุรักษ์ ที่ถามตรงๆเมื่อไหร่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
(คมช.) จะยกเลิกกฎอัยการศึก
“ขณะนี้มีแนวโน้มสูง
น่าจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกก่อน
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมประชุมเอเปคที่เวียดนาม
ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน
จะได้ไม่มีปัญหากับมิตรประเทศ
สร้างความอึดอัดให้เขา”
ทหารก็คือทหารอยู่วันยังค่ำ
ทื่อๆ ตรงๆ เลี้ยวหลบไม่คล่องเหมือนนักการเมือง
ฟังจาก พล.อ.บุญรอดที่แบไต๋กันตรงๆก็รู้ได้ทันที
วันนี้แรงกดดันจากต่างประเทศ
ที่มีต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย
คือเงื่อนไขหนักสุด
คลื่นใต้น้ำในประเทศไทยไม่มีอานุภาพแรงเท่า
คลื่นเหนือน้ำที่พัดข้ามทะเลข้ามมหาสมุทรมาจากนอกประเทศ
ไทยไม่ใช่เมืองปิดอย่างพม่าจะได้ไม่แคร์สายตาใคร
อย่างไรก็ตาม ยังพออุ่นใจฝากความหวังไว้ได้กับความเก๋าและความเป็นสากลของทีมเศรษฐกิจรัฐบาล
ล่าสุดเปิดฟลอร์ชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนและกองทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะภายหลังการเคลียร์นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของ
“หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ
รมว.คลัง
หุ้นดีดตัวขึ้นในแดนบวก
สัญญาณเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่า
นักลงทุนในประเทศเริ่มมั่นใจยุทธศาสตร์ที่ผสมผสานทุนเสรีกับ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่พอเข้าใจนโยบายการวางแผนของกระทรวงการคลัง
และพูดกันตรงไปตรงมาตามสไตล์ฝรั่ง
นายปีเตอร์ แวนฮาเรน
นายกสมาคมหอการค้าต่างประเทศ
ยอมรับเลยว่า
หากรัฐบาลไทยมีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจน
การค้าการลงทุนในประเทศไทยจะกลับมาสู่ภาวะเดิม
ได้ในปี 2550 เนื่องจากเห็นว่า
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในครั้งนี้
ไม่ได้ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอื่นๆในประเทศ
และรัฐบาลก็ยืนยันแล้วว่าจะเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ต่อไป
แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องกฎหมายนอมินี
ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะเร่งแก้ไขให้มีความชัดเจน
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศ
เน้นที่ความมั่นใจ
ขอนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน
ประสานักลงทุนก็ต้องรอจับสัญญาณจากคนที่พูดจาภาษาเดียวกัน
ธรรมชาติของนักธุรกิจก็ต้องให้เครดิตกับมือเศรษฐกิจ
โชคดีนาทีนี้ทีมของ
“หม่อมอุ๋ย” พอขายความเป็นอินเตอร์ได้
ซาร์เศรษฐกิจพูดแล้ว
นักธุรกิจเชื่อ
แต่ที่ไม่แน่ใจ
ทหารจะเชื่อทหารด้วยกันหรือไม่
ล่าสุด “บิ๊กจิ๋ว”
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี
ผู้ได้รับสมญาขงเบ้งกองทัพ
ออกมาส่งซิกเตือนรุ่นน้อง
แบบนิ่มๆ
กรณีบิ๊กๆในเครือข่ายคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
ตบเท้าเข้าไปนั่งเป็นประธานบอร์ดและกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ
จนชาวบ้านชักเอะใจ
ยึดอำนาจเพื่อใครกันแน่
“ไม่มีอะไรจะยืนยงได้
ถ้าประชาชนไม่สนับสนุน
ฉะนั้นต้องระมัดระวังให้ดี
ทหารอาจไม่รู้เรื่องอะไรมาก”
พี่เตือนแล้วนะ
น้องๆ. |